15 ไม้ใหญ่ สร้างร่มเงาให้บ้านเราร่มรื่น

หน้าแรก จัดสวน 15 ไม้ใหญ่ สร้างร่มเงาให้บ้านเราร่มรื่น

เข้าชม 4,267

          ต้นไม้ให้ร่มเงา คือต้นไม้ใหญ่ที่กิ่งก้านใบแผ่ขยายออกมาปกคุลมจนสามารถให้ร่มเงาได้ทั้งรอบ ๆ ลำต้น และบริเวณใกล้เคียง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่หลายคนนิยมเสาะหาพันธุ์ไม้เหล่านี้มาปลูกไว้ติดบ้าน เพราะต้นไม้ให้ร่มเงานอกจากจะทำให้บ้านร่มรื่น บดบังแสงแดด และพายุฝนได้แล้ว ยังเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ช่วยให้บรรยากาศในบ้านไม่โล่ง และดูโล้นมากเกินไป

         
ดังนั้นถ้าหากใครกำลังมองหา ต้นไม้ให้ร่มเงา มาปลูกไว้ในบ้าน วันนี้กระปุกดอทคอทก็มีข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับต้นไม้ให้ร่มเงาหลากชนิดมาฝากกัน ลองไปดูกันสิว่าต้นไม้ชนิดไหนบ้าง ที่เหมาะจะปลูกเป็นต้นไม้ให้ร่มเงา คู่กับบ้านของคุณไปอีกนาน ๆ




1.  ต้นหูกระจง
ลักษณะทั่วไป

          ต้นหูกระจง หรือ แผ่บารมี เป็นต้นไม้ที่มีการเจริญเติบโตเร็ว อายุยืน และมีทรงพุ่มสวยงาม แตกกิ่งเป็นชั้น ๆ แต่ละชั้นจะห่างกันประมาณ 50-100 เซนติเมตร โดยจะมีการผลัดใบ และออกดอกสีขาวคล้ายกระถินณรงค์ ส่วนเมล็ดจะคล้ายกับเมล็ดพุทรา ส่วนใหญ่นิยมปลูกต้นหูกระจงเพื่อตกแต่งสวน เป็นต้นไม้ให้ร่มเงาในบ้าน เนื่องจากลำต้นสูงใหญ่ อายุยืน และช่วยบังแดดได้ดี อีกทั้งยังเป็นต้นไม้มงคลที่เชื่อกันว่าปลูกแล้วจะมีความสุขความเจริญมากขึ้นด้วย
วิธีปลูกและดูแลรักษา

          ต้นหูกระจง เป็นต้นไม้ใหญ่ที่มีรากแข็งแรง ดังนั้นจึงควรปลูกให้ห่างจากตัวบ้านพอสมควร เพื่อไม่ให้รากของต้นหูกระจงสร้างความเสียหายกับตัวบ้านได้ ส่วนการดูแลรักษาก็เพียงแค่หมั่นรดน้ำให้ชุ่ม อย่างสม่ำเสมอ หากไม่มั่นใจว่าลำต้นจะทรงตัวได้ดี อาจจะทำไม้ค้ำไว้สักระยะหนึ่งจนแน่ใจก็ได้



2.  ต้นประดู่
ลักษณะทั่วไป

          ต้นประดู่ เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ สูงประมาณ 10 เมตรขึ้นไป ใบจะออกรวมกันเป็นช่อ โดยมีใบรูปมนรี ปลายใบแหลม และออกดอกเป็นสีเหลืองสด หากดอกใกล้โรยจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล มักจะเห็นดอกบานสวยในช่วงเดือนพฤษภาคม - เดือนสิงหาคม ซึ่งต้นประดู่เป็นต้นไม้มงคลที่หมายถึงความสามัคคี และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จึงทำให้ถูกนำมาเป็นสัญลักษณ์ของกองทัพเรือไทยด้วย
วิธีปลูกและดูแลรักษา

          ควรปลูกต้นประดู่เอาไว้กลางแจ้ง เพราะเป็นต้นไม้ที่ชอบแดดจัด ความชื้นสูง สามารถขึ้นได้ในดินทุกชนิด แต่ถ้าปลูกในดินร่วนซุยจะดีที่สุด โดยต้องการน้ำปานกลาง จึงควรรดน้ำแบบพอดี ๆ



3.  ต้นสารภี
ลักษณะทั่วไป

          ต้นสารภี เป็นไม้ดอกยืนต้น ซึ่งได้รับพระราชทานให้ปลูกเป็นไม้มงคลจังหวัดพะเยา ลำต้นสูงประมาณ 10-15 เมตร เป็นไม้ไม่ผลัดใบ ลำต้นตรง ขรุขระเล็กน้อย ปลายกิ่งมักจะห้อยลงสู่ลำต้น ใบเป็นรูปไข่ ปลายมนกว้าง โดยจะแตกออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ออกดอกเป็นช่อเดี่ยวตามกิ่ง มีกลีบดอก 5 กลีบ มีความเชื่อว่าบ้านไหนปลูกต้นสารภีจะทำให้มีอายุยืนนาน และดอกสารภียังเป็นยาบำรุงหัวใจได้ด้วย
วิธีปลูกและดูแลรักษา

          เพื่อความเป็นสิริมงคลที่สุด ควรปลูกต้นสารภีไว้ในทิศตะวันออกเฉียงใต้ และควรลงปลูกในวันเสาร์ อีกทั้งยังควรให้สุภาพสตรีเป็นคนปลูก โดยปลูกด้วยดินร่วน และมีระยะห่างที่เหมาะสม เพราะเป็นต้นไม้ที่มีพุ่มใหญ่ ทั้งนี้ต้นสารภีชอบแดดอ่อน ๆ ถึงปานกลาง ควรรดน้ำ 5-7 วันต่อครั้ง และควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ปีละ 3-4 ครั้ง



4.  ต้นจำปี
ลักษณะทั่วไป

          ต้นจำปี เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีอายุประมาณ 10-20 ปี ลำต้นสีน้ำตาลแตกเป็นร่องถี่ กิ่งเปราะ หักง่าย เวลาออกดอกจะออกเป็นเดี่ยวที่ซอกใบ ดอกยาวเรียว กลีบดอกสีเหลืองครีม ประมาณ 8-12 กลีบ ยาว 4-6 เซนติเมตร มีกลิ่นหอมฟุ้ง นิยมนำมาร้อยมาลัย โดยมีประโยชน์ใช้เป็นยารักษาอาการวิงเวียน แก้ไอ บำรุงหัวใจได้ นอกจากนี้ยังสามารถให้ร่มเงาได้ดี และเมื่อลมพัดโชยมาก็จะสิ่งกลิ่นหอมไปทั่ว
วิธีปลูกและดูแลรักษา

          ต้นจำปีนิยมปลูกในช่วงปลายฤดูฝน เพราะจะทำให้เติบโตได้ง่าย ต้นจำปีที่มีอายุ 1 ปีขึ้นไป จะเริ่มออกดอก โดยออกตามก้านหรือโคนใบ และจะออกดอกมากที่สุดในช่วง 3-5 ปี โดยควรใส่ปุ๋ยคอกและรดน้ำวันละครั้ง  หากเป็นหน้าแล้งควรรดน้ำวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น


5.  ต้นจำปา
ลักษณะทั่วไป

          ต้นจำปา เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางทรงพุ่มเตี้ย สูงประมาณ 20 ฟุต โดยต้นจำปาจะมีลักษณะแตกต่างจากต้นจำปี โดยมีใบเล็กกว่า และมีดอกเป็นสีเหลืองส้ม ทั้งนี้ต้นจำปาจะออกดอกเดี่ยวรวมกันเป็นช่อ โดยจะออกดอกตั้งแต่อายุ 1 ปี และออกดอกมากที่สุดตอนอายุ 3-5 ปี โดยจะออกดอกตลอดทั้งปี และดอกบานเวลา 02.00–03.00 น. โดยหากปลูกไว้ในบ้านจะช่วยบังแดดได้
วิธีปลูกและดูแลรักษา

          ถ้าปลูกหลายต้นควรเว้นระยะห่างประมาณ 4-6 เมตร ช่วงเวลาที่ควรปลูกต้นจำปาคือ เดือนตุลาคม – เดือนธันวาคม และ เดือนมีนาคม–เดือนพฤษภาคม จากนั้นควรให้น้ำวันละครั้ง พร้อมกับใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยวิทยาศาสตร์สูตร 15-15-15 โดยหยอดเป็นหลุมรอบทรงพุ่มแล้วกลบดินและรดน้ำให้ชุ่ม



6.  ต้นเหลืองปรีดียาธร

ลักษณะทั่วไป

          เป็นไม้ยืนต้นสูงไม่เกิน 8 เมตร ลำต้นเป็นไม้เนื้ออ่อน แตกกิ่งก้านเป็นชั้น ใบมีลักษณะเป็นใบย่อย 5 ใบ มีสีเขียวอมขาว ลักษณะใบแข็งและมีขนนุ่ม นอกจากนี้ยังมีดอกสีเหลืองสด ออกดอกเป็นช่อ ๆ สวยงาม และออกดอกมากในช่วงเดือนกุมภาพันธ์–เดือนมีนาคม มีผลเป็นฝักยาว 10 เซนติเมตร คนส่วนใหญ่นิยมปลูกไว้เป็นต้นไม้ให้ร่มเงา เนื่องจากลำต้นสูงและสีสันสวยงามสะดุดตา
วิธีปลูกและดูแลรักษา

          เหลืองปรีดียาธร เป็นต้นไม้ที่เลี้ยงง่าย เติบโตเร็ว ควรปลูกในดินร่วน ที่ระบายน้ำได้ดี และชอบแดดจัด ขยายพันธุ์ได้ด้วยการเพาะเมล็ด ทั้งนี้ดอกสีเหลือง ๆ ของต้นเหลืองปรีดียาธรมักจะร่วงลงบนพื้นค่อนข้างเยอะ ดังนั้นจึงควรพิจารณาก่อนซื้อมาปลูกด้วย เนื่องจากต้องคอยหมั่นเก็บกวาดใบและดอกที่ร่วงหล่นอยู่เรื่อย ๆ




7.  ต้นลีลาวดี
ลักษณะทั่วไป

          ต้นลีลาวดี มีหลากหลายสายพันธุ์และออกดอกต่างสีสันกันไป มีตั้งแต่สีขาว, สีเหลือง, สีชมพู, แต่ที่นิยมปลูกกันมากในประเทศไทย คือ ต้นลีลาวดีพันธุ์ขาวพวง ซึ่งจะออกดอกสีขาวสวยงาม โดยส่งกลิ่นหอมเย็น ๆ ให้ฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ และจะออกดอกดกเป็นช่อใหญ่ประมาณ 10-15 ดอก โดยนอกจากจะมีกลิ่นหอมแล้ว ยังนิยมปลูกไว้เป็นต้นไม้ให้ร่มเงาด้วย
วิธีปลูกและดูแลรักษา

          การปลูกต้นลีลาวดี ควรปลูกในดินร่วนปนทราย เพราะต้นลีลาวดีเป็นไม้กลางแจ้งที่ชอบแสงแดด และทนต่อความแห้งแล้งได้ดี อีกทั้งยังไม่ชอบน้ำมาก หากได้รับแสงแดดจะทำให้ออกดอกได้ดีขึ้น บางต้นถ้าไม่ได้รับแสงแดดเลยก็จะไม่ออกดอก การรดน้ำควรรดน้ำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ซึ่งต้นลีลาวดีพันธุ์ขาวพวงจะมีดอกสวย ๆ ให้เห็นได้ตลอดทั้งปี



8.  ต้นปีบ
ลักษณะทั่วไป

          ไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลางถึงใหญ่ เรือนยอดเป็นพุ่มทรงกระบอก มีกิ่งก้านที่ย้อยลง ออกดอกเป็นสีขาวหรือชมพู มีกลิ่นหอม โดยจะออกดอกเป็นช่อกระจุกซ้อนกันตามปลายกิ่ง และจะออกดอกในช่วงเดือนกันยายน–พฤศจิกายน ซึ่งดอกปีบจะบานในช่วงเย็น นิยมปลูกให้ร่มเงาในสวนหรือลานจอดรถ เชื่อว่าปลูกแล้วจะมีชื่อเสียงโด่งดัง เก็บเงินเก็บทองได้มาก
วิธีปลูกและดูแลรักษา

          ตามความเชื่อมักปลูกต้นปีบไว้ในทางทิศตะวันตก และลงมือปลูกในวันเสาร์ อีกทั้งหากอยากให้เป็นมงคลมากขึ้นควรให้คนที่เกิดวันจันทร์เป็นผู้ปลูก ควรปลูกให้มีระยะห่างจากตัวบ้าน เนื่องจากมีพุ่มใหญ่ และเน้นปลูกกลางแจ้งเนื่องจากต้นปีบชอบแดดจัด และให้น้ำ 5-7 วันต่อครั้ง โดยใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก และดินร่วน ในอัตราส่วน 1:3 กิโลกรัมต่อต้น



9.  ต้นทองกวาว
ลักษณะทั่วไป

          ต้นทองกวาว เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางแบบผลัดใบ กิ่งก้านแตกไม่เป็นระเบียบ ออกดอกเป็นช่อคล้ายกับต้นทองหลาง โดยดอกทองกวาวจะมีสีแดงส้มหรือสีแสด เมื่อบานออกจะมี 5 กลีบ โดยออกดอกเรียงกันเป็นกลุ่ม ๆ และจะออกดอกมาในช่วงเดือนธันวาคม–กุมภาพันธ์ และเมื่อออกดอกหมดใบใหม่ก็จะเริ่มร่วงโรยผลัดใบ เชื่อกันว่าหากปลูกไว้ในบ้านจะมีเงินเยอะ

วิธีปลูกและดูแลรักษา

          ทองกวาว ต้องการแสงแดดจัด จึงนิยมปลูกกลางแจ้งโดยเว้นระยะให้ห่างจากตัวบ้านพอสมควร เพื่อรองรับการเจริญเติบโตและพุ่มที่ค่อนข้างใหญ่ ควรให้น้ำ 7-10 วันต่อครั้ง ใช้ดินร่วนซุยผสมปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก อัตราส่วน 2:3 กิโลกรัมต่อต้น โดยให้ใส่ปีละ 3-5 ครั้ง



10.  ต้นมะม่วง

ลักษณะทั่วไป

          เป็นต้นไม้ยืนต้นขนาดกลางที่นิยมปลูกเอาไว้ในบ้าน เพราะมีผลให้รับประทานได้ด้วย ซึ่งพันธุ์มะม่วงที่นิยมปลูกกันก็คือ เขียวเสวย, โชคอนันต์, มันทวาย ฟ้าลั่น ฯลฯ ทั้งนี้ต้นมะม่วงเป็นไม้มงคลที่มีมาตั้งแต่พุทธกาล จึงเชื่อกันว่าหากปลูกมะม่วงเอาไว้ในบ้านจะทำให้คนในบ้านมีความร่ำรวยมากขึ้น

วิธีปลูกและดูแลรักษา

          ตามความเชื่อควรปลูกต้นมะม่วงไว้ทางทิศใต้เพื่อความเป็นสิริมงคล และควรปลูกในหน้าฝนเนื่องจากจะเจริญเติบโตได้ดี ควรปลูกกลางแจ้งในดินที่อุดมสมบูรณ์ หากต้องการขยายพันธุ์สามารถทำได้โดยการเพาะเมล็ดหรือการตอนกิ่ง และจะออกผลในช่วงฤดูร้อน แต่ควรปลูกให้ห่างจากรั้วบ้านและตัวบ้าน เนื่องจากการเจริญเติบโตของต้นมะม่วงอาจทำให้เกิดรอยแตกร้าวได้




11.  ต้นฝรั่ง
ลักษณะทั่วไป

          ฝรั่ง เป็นไม้ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ที่นิยมปลูกกันในบ้านซึ่งนอกจากจะให้ร่มเงาบังแดดได้แล้ว ยังเป็นต้นไม้ที่นิยมนำผลมารับประทานอีกด้วย ดังนั้นหลายบ้านจึงเลือกปลูกฝรั่งเอาไว้แทนต้นไม้ใหญ่อื่น ๆ โดยฝรั่งจะมีลำต้นเกลี้ยงมัน เปลือกเรียบ นิยมปลูกกันหลายพันธุ์ เช่น ฝรั่งกิมจู, ฝรั่งกลมสาลี่, ฝรั่งแป้นสีทอง เป็นต้น

วิธีปลูกและดูแลรักษา

          เตรียมหลุมปลูกกว้างและลึกประมาณ 0.5 เมตร ตากดินที่ขุดขึ้นมาประมาณ 15-20 วัน แล้วผสมปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยหมักรองก้นหลุมจากนั้นนำดินใส่ลงไปและนำฝรั่งลงปลูก โดยต้องหมั่นรดน้ำในระยะแรกและอย่าปล่อยให้ดินแห้งมาก ถ้าฝนตกหนักควรระบายน้ำออก ไม่ควรพรวนดินลึก อาจต้องทำไม้ค้ำกันต้นล้ม โดยฝรั่งจะออกผลครั้งแรกตอนอายุประมาณ 1 ปี และจะออกได้ดีหากมีการตอนกิ่ง



12.  ต้นชมพู่
ลักษณะทั่วไป

          อีกหนึ่งต้นไม้ที่หลายบ้านนิยมปลูกเป็นต้นไม้ให้ร่มเงา โดยต้นชมพู่เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางทรงพุ่มเตี้ย มีดอกบานเป็นฝอยคล้ายดอกกระถิน มีผลรับประทานได้ แต่มีข้อเสียคือดอกจะร่วงเยอะ ทำให้ต้องหมั่นเก็บกวาด ที่นิยมปลูกกันคือ ชมพู่มะเหมี่ยว ซึ่งมีเกสรสีแดงชมพูดูสวยงาม และผลหอมหวานอมเปรี้ยว
วิธีปลูกและดูแลรักษา

          ต้นชมพู่เป็นไม้ที่ชอบน้ำ จึงสามารถให้น้ำบ่อยได้ ยิ่งโดยเฉพาะช่วงที่ออกดอกยิ่งต้องหมั่นให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ และงดให้น้ำ 7 วันก่อนเก็บผล ทั้งนี้ควรใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือปุ๋ยเคมีได้บางครั้ง แต่ก่อนใส่ปุ๋ยควรรดน้ำก่อนเพื่อให้รากดูดซึมได้ดีขึ้น ขยายพันธุ์ได้ด้วยการเพาะเมล็ด



13.  ต้นสายหยุด
ลักษณะทั่วไป

          ต้นสายหยุด เป็นไม้เลื้อยกึ่ง ๆ ไม้ยืนต้น โดยมีเถาใหญ่แข็งแรงสามารถพันต้นไม้หรือกิ่งไม้อื่น ๆ ได้ โดยจะแผ่สาขาออกไปเป็นบริเวณกว้าง ช่วยให้เกิดร่มเงาปกคลุมโดยทั่ว ใบสายหยุดจะเป็นใบเดี่ยวปลายใบแหลม ออกดอกตามโคนก้านใบ ตอนดอกตูมจะเป็นสีเขียว แต่เมื่อบานแล้วจะมีสีเหลือง ดอกห้อยลงคล้ายดอกกระดังงา มีกลีบดอก 5-6 กลีบ ส่งกลิ่นหอมฟุ้งในช่วงเช้า
วิธีปลูกและดูแลรักษา

          ปลูกด้วยต้นกล้าจากการเพาะเมล็ด หรือกิ่งตอน โดยควรปลูกกลางแจ้งเนื่องจากต้องการแดดพอสมควร แต่ทั้งนี้ก็สามารถเติบโตได้ดีในที่ร่มรำไรด้วย การรดน้ำควรรดให้ชุ่มวันละ 1 ครั้ง หลีกเลี่ยงน้ำท่วมขัง ใช้ดินร่วนซุยมาก ใส่ปุ๋ยไนโตรเจนหรือปุ๋ยหมักบ้างในช่วงแรก




14.  ต้นอโศกอินเดีย
ลักษณะทั่วไป

          เป็นไม้ยืนต้นทรงสูงแบบผลัดใบ มีลักษณะเป็นพุ่มปิรามิดแคบ ๆ กิ่งโน้มลู่ลงทั้งต้น ใบเดี่ยวรูปหอกปลายแหลม มีสีเขียวเป็นมันเงางาม ขอบใบเป็นคลื่น มักออกดอกในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ใช้เป็นไม้ประดับและคอยบังแสงแดดได้ นิยมปลูกริมรั้วเพื่อบังสายตาด้วย เชื่อกันว่าเป็นอีกหนึ่งต้นไม้มงคลที่ปลูกแล้วจะหมดทุกข์หมดโศก
วิธีปลูกและดูแลรักษา

          ต้นอโศกอินเดีย ปลูกกลางแดดจัดได้ ชอบความชื้นปานกลาง โดยควรปลูกห่างจากริมรั้วอย่างน้อยประมาณ 30 เซนติเมตร ทั้งนี้หากเป็นช่วงหน้าแล้งใบจะร่วงเยอะ ทำให้ต้องหมั่นรดน้ำบ่อย ๆ หากต้องการควบคุมความสูงควรหมั่นตัดยอด



15.  ต้นไทรย้อย
 ลักษณะทั่วไป

          ไทรย้อย เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ มีความสูงประมาณ 10-20 เมตร ลำต้นตรงแตกก้านเป็นพุ่ม มีรากอากาศห้อยลงมาตามกิ่งก้านและลำต้น ทำให้ดูสวยงามและสามารถบังแดดได้ดี โบราณเชื่อว่าหากปลูกไว้ในบ้านจะทำให้ร่มเย็นเป็นสุข ป้องกันอันตรายทั้งปวง เนื่องจากเชื่อกันว่าเป็นที่อาศัยของเทพารักษ์ อีกทั้งยังช่วยดูดสารพิษได้ดีด้วย

วิธีปลูกและดูแลรักษา

          ควรปลูกต้นไทรไว้ทางทิศตะวันตก เพื่อความเป็นสิริมงคลกับบ้าน และควรปลูกในวันอังคาร โดยใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก และดินร่วน ในอัตราส่วน 1:2 ต้องการความชื้นสูง ปลูกกลางแดดหรือแสงแดดส่องรำไรได้ ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำหรือตอนกิ่ง


          ได้รู้จักกับพรรณไม้นานาชนิด ที่จะช่วยปลูกเอาไว้ในร่มเงาภายในบ้านได้แล้ว หากใครถูกใจต้นไม้ให้ร่มเงาชนิดไหน ก็ลองไปหามาปลูกประดับบ้านกันดูนะคะ









ขอขอบคุณ: home.kapook.com