ไอเดียจัดสวนน่ารักริมรั้ว ด้วยตัวเอง

หน้าแรก จัดสวน ไอเดียจัดสวนน่ารักริมรั้ว ด้วยตัวเอง

เข้าชม 14,899

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณสมาชิกหมายเลข 988749 เว็บไซต์พันทิปดอทคอม 

         การจัดสวนนอกจากจะช่วยเพิ่มสีเขียวของธรรมชาติให้กับบริเวณรอบ ๆ บ้านแล้ว ยังช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับผู้อยู่อาศัยได้พร้อม ๆ กัน ซึ่งถ้าหากใครไม่มีพื้นที่บริเวณบ้านมากพอให้จัดสวนอย่างเป็นสัดส่วน ลองหันมาใช้พื้นที่ริมรั้วที่มีทางเดินเล็ก ๆ มาจัดแจงทำให้เป็นสวนขนาดย่อม ๆ และทำเป็นมุมพักผ่อนน่ารัก ๆ แทนก็ได้

         โดยคุณสามารถตกแต่งสวนได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องเสียเงินจ้างช่างจัดสวนเลยล่ะ เปลี่ยนค่าจ้างช่างมาเป็นค่าซื้อต้นไม้สวย ๆ ที่ถูกใจดีกว่า เพราะวันนี้เรามีไอเดียจัดสวนริมรั้ว จาก คุณสมาชิกหมายเลข 988749 เว็บไซต์พันทิปดอทคอมมาฝากกัน รับรองว่าเป็นไอเดียจัดสวนที่น่ารัก และลงมือทำด้วยตัวเองได้แน่นอนจ้า ลองไปดูกันเลย 


สวนเล็ก ๆ ริมรั้ว




          เอาสวนเล็ก ๆ ริมรั้วมาฝากค่ะ เป็นสวนจัดเองค่ะ พื้นที่ประมาณ 4.5 x 2 เมตร ครั้งนี้เป็นโพสแรกถ้าไม่ถูกต้องอะไรแนะนำด้วยนะคะ




          บางมุมก็เป็นสวนมอส และไม้ประเภทที่ชอบความชื้นใกล้เคียงกัน เช่น เฟิร์นก้านดำ บีโกเนีย พรมญี่ปุ่นฯ




          โอ่งมอสปลูกเองค่ะ ตอนแรกที่ปลูกก็กลัว ๆ กล้า ๆ ไม่รู้ว่าจะรอดหรือเปล่า มาวันนี้เห็นแล้วชื่นใจค่ะ ใบเล็ก ๆ ชื้น ๆ เจริญเติบโต แผ่ขยายออกไปเรื่อย ๆ คลุมเกือบครึ่งโอ่งแล้ว ความจริงมอสคลุมขนาดนี้กำลังสวยนะคะ ถ้าคลุมหมดจะเยอะไป เอาพรมญี่ปุ่นสีชมพูมาแตะไว้ ดูเหมือนเด็กผู้หญิงติดกิ๊บสองข้าง




          มอสชอบน้ำค่ะ อุปกรณ์ที่นำมาให้มอสเกาะต้องเปียกตลอดเวลา แต่ตัวมอสเองแช่อยู่ในน้ำเลยไม่น่าจะได้ โอ่งใส่น้ำไว้ข้างในด้วยค่ะ แต่สังเกตุตอนปลูกใหม่ ๆ เหมือนเค้ายังไม่ค่อยถูกใจ ยังชื้นไม่พอ เลยเอาโอ่งวางบนจานรองใส่น้ำอีกทีเอาให้ชุ่ม คราวนี้ถูกใจค่ะ แต่ก็ยังไม่วายต้องคอยพ่นน้ำให้อย่างน้อยวันละครั้ง




          เฟิร์นก้านดำใบผักชี อันนี้เป็นใบเล็ก ชอบชื้นแต่ไม่แฉะ ฟังแล้วเข้าใจยากจัง เดี๋ยวจะมาเพิ่มเติมข้อมูล (จากการสังเกต) แต่มอสชอบแฉะค่ะ  เป็นความเหมือนที่แตกต่างจริง ๆ ค่ะ




          มาดูสวนมอสกันต่อ อันนี้เป็นด้านขวาบ้าง ด้านนี้อยู่ติดกับห้องนั่งเล่น มีหินฟองน้ำที่ปกคลุมด้วยมอสเป็นตัวเอกค่ะ ความจริงหินฟองน้ำก้อนนี้ ถูก "ลับ"  "ลวง" "พราง" ให้ดูใหญ่กว่าความเป็นจริง เพราะว่าตัวหินเองก้อนใหญ่ประมาณ .... เดี๋ยวไปวัดขนาดให้นะคะ แต่ทำฐานเป็นไม้ให้เค้า เพื่อจัดระดับ ให้สวนดูมีชั้น มีมิติ ไม่เป็นสวนราบ ๆ เพราะที่เราแคบค่ะ

         "ฐาน" ก็ไม่ได้ทำอะไรที่มันยุ่งยากนะคะ ก็คือไปหาไม้เก่าที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว มาวางซ้อนกันให้ได้ระดับตามที่ต้องการ ไม่ต้องยึดหรือตอกตะปูอะไร เพียงแต่ถ้าลองวางหินลงไปแล้วมันดูมั่นคง ก็เป็นอันใช้ได้




          ภาพเต็ม ๆ ของมุมนี้ เพิ่มความน่าสนใจของสวน ด้วยตอไม้ ขอนไม้ โอ่ง อ่าง กระถาง ซึ่งเป็นของเก่า เพราะจัดสวนมานานแล้วค่ะ เปลี่ยนแบบไปเรื่อย ก็เอาของเก่านี่แหละแต่มาจัดใหม่




          มุมไกลบ้างจะได้เห็นเต็ม ๆ ค่ะ องค์ประกอบที่ทำให้มุมนี้ดูมีสีสันคือ สัปปะรดสี ซื้อจากตลาดนัดบางค้อ ราคาน่าจะประมาณ 150-250 เพราะซื้อหลายต้น จำไม่ได้ว่าต้นไหนราคาเท่าไหร่

         ซื้อมาเสร็จเอามาวางตากแดดไว้ตั้งเป็นอาทิตย์ ใบไหม้หมดเลยค่ะ คุณคนขายบอกว่า เค้าชอบอยู่แดดสีจะสวยกว่าอยู่ร่ม ไอ้เราก็ไม่เข้าใจ ก็ไปตั้งไว้กลางแดด มาเห็นอีกทีใจสลายค่ะ จากที่เค้าสวยมาก ๆ ใบเหมือนโดนไฟใหม้ (แต่ต้นนี้ไม่เป็นค่ะ) ตอนนี้ก็เลยเอาเค้ามาเรียงรายอยู่ในร่ม แต่วางไว้ในส่วนที่มีแสงแดดบ้าง




          อ่างหินอันนี้ก็สวยงามไม่แพ้ใครค่ะ อันนี้ก็ไม่ได้ถามใครว่าหินชนิดนี้ใช้ปลูกมอสได้หรือเปล่า ก็ลองผิดลองถูกเอาเอง เอาดินเหนียวมาพอก ๆ แล้วเอามอสมาแปะไว้ ในใจก็คิดว่าตายก็ไม่เป็นไรเนอะลองดูละกัน

         เธอไม่ใช่หินฟองน้ำนะคะ เป็นหิน....เอนึกไม่ออก จำไม่ได้ เดี๋ยวจำได้จะมา update นะคะ คือตัวเธอเองไม่เก็บน้ำนะคะ เวลาเอาน้ำใส่ไว้ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงน้ำก็รั่วออกหมด ตอนหลังก็เลยเอาจานรอง (ขนาดใหญ่) มาใส่น้ำรองไว้ใต้หิน ข้างบนก็ใส่น้ำ ข้างล่างก็ใส่น้ำ ก็ไม่ลำบากอะไร เราต้องรดน้ำต้นไม้ทุกวันอยู่แล้ว ก็เติมน้ำให้เค้าทุกวันค่ะ




          ตอนนี้เธอสวยขนฟูขนาดนี้ ไม่โชว์ไม่ได้แล้วค่ะ






          น้องเฟิร์นต้นนี้เธอมาขึ้นเองค่ะ เห็นตอนแรกดีใจมาก เพราะเป็นคนชอบเฟิร์นก้านดำใบผักชีมาก ๆ แต่เลี้ยงทีไรก็จะมี 2 แบบให้เลือก คืออยู่นานกับอยู่ไม่นาน คือตายทุกต้น เพียงแต่บางต้นก็อยู่นานหน่อย บางต้นก็ไม่นานไปซะละ โอ้โห อันนี้เฟิร์นขึ้นเอง (ถึงไม่ใช่ก้านดำก็ปลื้มค่ะ)




          เฟิร์นก้านดำใบผักชี เธอก็ไหวพลิ้ว ๆ อยู่ในสวนเวลาลมพัด มีแบ็กกราวด์เป็นหินมอสสีเขียวชอุ่ม




          รูปนี้ต้องการโฟกัสที่ยอดอ่อนของมอสอะค่ะ แต่ยังถ่ายไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ ใบเขียว ๆ เล็ก น่ารักดีนะคะ มาจัดสวนมอสกันเถอะ




         พื้นที่ขนาดเล็กมากค่ะ อย่างที่บอกคือ 4.5x2 เมตร ดูเหมือนจะคับแคบไปซักหน่อย แต่ข้อดีของสวนขนาดเล็กคือดูแลง่าย ใช้งบประมาณไม่มาก จัดให้ดูเต็มได้ง่ายกว่า เพราะการจะให้สวนดูเต็มก็ต้องใช้ต้นไม้เยอะ จะได้ดูไม่โหรงเหรง ดังนั้นสวนขนาดใหญ่ถ้าก็ต้องใช้งบประมาณเยอะตามจำนวนต้นไม้ที่ต้องใส่เข้ามาในสวน




          มุมนี้อยู่ติดกับโอ่งมอส ดูจากรูปด้านบนจะอยู่ถัดไปทางขวานิดหนึ่ง จัดเป็นไม้ในร่มพวกหน้าวัว บีโกเนีย พรมญี่ปุ่น มีสัปปะรดสีต้นเล็ก ไผ่ฟิลิปปินส์ แล้วก็เจ้าประจำ พลูด่าง มีน้องแกะหน้าตาน่าเกลียดยืนยิ้มอยู่บนโต๊ะไม้ รูปทรงฟรีฟอร์ม




          ทริคเล็ก ๆ ของสวนนี้ก็คือ ต้นพลูด่างค่ะ พลูด่างเป็นไม้ปลูกง่าย ฟอร์มสวย สีเขียวสวย คือสีของเค้าจะเขียวแตกต่างไปจากไม้อื่น ไม่ใช่สวยเพราะมีสี และการที่สวนจะแลดูเขียวสวยด้วยไม้หลากสีปลายประเภทได้นั้น พลูด่างจะเป็นตัวช่วยที่ดีค่ะ ไม่ต้องเสียเงินซื้อ ซื้อต้นแรกแล้วก็ค่อย ๆ เพาะ ค่อย ๆ ขยาย พอได้ฟอร์มสวยก็เอามาประดับในมุมต่าง ๆ ทำให้สวนเรา "เต็ม" โดยลดงบประมาณในการซื้อต้นไม้ลงได้ค่ะ




         ถัดมาทางขวาอีกนิดค่ะ เป็นหมู่สัปปะรดสีที่ย้ายมาจากหน้าบ้าน ตรงนี้ได้แดดทั้งวันก็จริง แต่มีร่มให้หลบแสงได้บ้าง ต้นสูง ๆ สีเขียวตรงกลางภาพ ในหมู่ต้นสัปปะรดสี คือต้นมหัศจรรย์ค่ะ ต้นนี้เป็นตัวช่วยสำหรับสวนขนาดเล็กค่ะ คืออยากให้สวนเล็กของเรา มีบรรยากาศเหมือนสวนขนาดใหญ่มีไม้ที่มีรูปฟอร์มแบบไม้ใหญ่ ไม่ได้มีแต่ไม้เล็ก ๆ เต็มไปหมด จึงเคยพยามยามหลายรอบที่จะเอาต้นไม้ใหญ่ แต่ไซส์เล็กมาลง เช่น ปีป เป็ดน้ำ ตะแบก หูกระจง ฯลฯ แต่สุดท้ายก็ต้องยกให้คนอื่นไปทุกครั้ง เพราะมันเริ่มโตจนคับที่

         ตอนหลังไปเดินพินิจพิจารณาต้นไม้ต่าง ๆ แล้ว เห็นว่า (คิดเอง) ต้นมหัศจรรย์มีคุณสมบัติที่น่าสนใจและเหมาะกับสวนขนาดเล็กของเรา เพราะเป็นไม้ขนาดกลาง (หรือเล็กก็ไม่รู้) ฟอร์มกิ่งก้านสวยงาม ที่สำคัญราคาไม่แพง ก็เลยเอามาเติมเต็มให้สวน




         ต้นมหัศจรรย์อยู่มุมซ้ายของภาพติดกับเก้าอี้ไม้ค่ะ




          การจัดวางต้นไม้ก็จะวางลดหลั่นกันไป แต่ละมุมก็จะมีตัวเอก ของมุมนั้น ๆ เช่นตรงนี้ก็มีตอไม้ขึ้นลายน้ำเป็นพระเอก แทรกอยู่ท่ามกลางหมู่ไม้ใบสีต่าง ๆ




          ในสวน...มีภาพและมุมมองใหม่ ๆ เกิดขึ้นทุกวัน ดังนั้นทุกวันในสวนจึงไม่เคยซ้ำกันเลย




          จัดทางเดินให้อยู่ตรงกลาง ปรับดินและปูด้วยหินทรายสีแดงขนาด 40x60 cm. ราคาตอนนั้นประมาณ 60-70 บาท ต่อแผ่น ตอนนี้ไปถามดูราคาประมาณ 80-100 บาท หินทรายสีแดงมีข้อเสียคือจะยุ่ยกว่าสืเหลือง คือผิวหน้าจะคอยกระเทาะออกมาเรื่อย ๆ ต้องคอยกวาด และทำให้หน้ามันไม่เรียบด้วยค่ะ ตอนที่เลือกครั้งแรกเราชอบสีแดงมากกว่าสีเหลือง แต่ใช้แผ่นหินประเภทอื่นแทนได้นะคะ เพียงแต่เลือกสีที่กลมกลืนกับธรรมชาติ อย่าใช้สีโดดหรือมีลวดลายมากเกินไป ทางเดินไม่ควรจะเด่นขึ้นมาค่ะ

         วางหินทางเดินโดยเว้นร่องไว้โรยหินแม่น้ำสีน้ำตาลตามรูป ความจริงคือ เนื้อที่เหลือพอที่จะวางหินลงไปอีก 1 แผ่น แต่ถ้าวางหินลงไปอีกแผ่น จะเหลือที่ว่าง 1 ช่อง มันจะดูแปลก ๆ ถึงแม้จะเอาหินมาโรยก็ตาม ก็เลยจัดเว้นร่องไว้ 2 ร่อง เพื่อความสวยงาม




         พื้นที่ตรงนี้ความจริงไม่เหมาะกับการจัดสวนมอสเลยค่ะ เพราะโดนแดดตั้งแต่เช้ายันเย็น แต่ด้วยความที่ชอบ จะรอให้เรามีพื้นที่ที่เหมาะสมแบบนั้นแล้วค่อยจัดสวนมอส คงจะไม่ทันในชาตินี้ ดังนั้นกระบวนการปรับปรุงพื้นที่ให้เหมาะแก่การจัดสวนมอสจึงเกิดขึ้นโดยใช้วิธีชาวบ้านธรรมดานี่หละค่ะ ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย

         ลองนึกภาพตรงนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 4.5x2 เมตร มุมทั้ง 4 ด้าน ยกเสาทำหลังคากระเบื้องแบบใสด้านบน (ในรูปมองไม่เห็นค่ะ) เป็นโครงสร้างเดิมที่มีอยู่แล้วตอนที่ทำบ้าน เดิมจัดสวนไม้ในร่ม ก็เอาสแลนมาขึงให้ตึงใต้หลังคา (ตอนนี้เพิ่งขึงไปชั้นเดียว วันไหนว่างจะขึงเพิ่มซัก 2-3 ชั้น) แต่เพราะสแลนชั้นเดียวมันกรองแสงไม่พอ ตอนนี้ก็เลยเอาร่มมากาง แขวนไว้เต็มไปหมด ใช้แทนต้นไม้ใหญ่ ซึ่งเราไม่มี ไม่กล้าถ่ายมาให้ดู มันจะเสียบรรยากาศ สวนมอสแสนสวยเสียเปล่า ๆ ทำแค่นี้แหละค่ะ  ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย เชื่อว่าสาว ๆ ที่อยากจัดสวนมอสแบบนี้ สามารถทำเองได้ค่ะ




          รูปนี้เป็นรูปเก่า บีโกเนียทั้งสองต้นกำลังงามสะพรั่ง แต่ตอนนี้ไม่ได้มีสภาพแบบนี้แล้วค่ะ ยังไม่ตาย แต่ไม่สวยเท่านี้ บีโกเนีย คนเลี้ยงเป็นจะบอกว่าเลี้ยงง่าย แต่สำหรับเรา "ยากมาก" ขอบอก แต่คิดซะว่าแค่เค้าอยู่ให้ชื่นชมมีความสุขพักนึง ก็คุ้มราคาที่ซื้อมาแล้ว จะได้สบายใจ




          มาลองดูวิธีง่าย ๆ ของการปลูกมอสกันค่ะ ในรูปจะเห็นขนาดที่แท้จริงของหินฟองน้ำ ก้อนนี้ตอนซื้อราคา 350 บาท หินฟองน้ำมีตั้งแต่ราคา 40 บาท ขึ้นไปจนถึง 500-600 ค่ะ (สนามหลวง 2) ซึ่ง 40 บาทก็จะเป็นก้อนเล็ก ประมาณ 12-15 เซนติเมตร ถ้าไม่ใช้หินฟองน้ำ เอาโอ่งดินเผาที่มีอยู่แทนได้ค่ะ

         มอส (มอสน้ำ) ถาดละ 30-40 บาท ลองเปรียบเทียบแต่ละร้าน ราคาเท่ากัน แต่จำนวนอาจต่างกัน อีกอย่างที่ต้องพิจารณาคือ ต้องเลาะมาใหม่ ๆ คือจะเขียวสด ไม่เหลือง ไม่ช้ำใกล้จะเน่า คือมันไม่ได้สวยเพอร์เฟ็กต์เหมือนกำลังเจริญเติบโตอยู่บนหินอย่างนี้นะคะ แต่ก็ควรดูดีสักหน่อยอาจมีเหลือง ๆ ช้ำ ๆ ปนบ้าง แต่ไม่ใช่ช้ำทั้งถาดก็ไม่ไหว (เคยเจอมาแล้วค่ะ) อีกอย่างคือดินเหนียว ซื้อจากร้านขายบัว ก้อนละ 6-8 บาท ก้อนเดียวก็เยอะ ใช้ไม่หมดแล้ว




          วิธีการทำก็ไม่ยากค่ะ หลัก ๆ ก็คือเอาดินเหนียวพอกบนอุปกรณ์ที่เราต้องการจะปลูกมอส ได้แก่ โอ่งดินเผาหรือหินฟองน้ำ เวลาพอกให้ใช้น้ำช่วย คือดินเหนียวเวลาโดนน้ำจะอ่อนตัว ทำได้ง่ายกว่า ใช้เกรียง (รู้จักป่าว) เป็นตัวเกลี่ยดินให้ทั่ว เพราะหินฟองน้ำมันคม อาจบาดมือได้ รดน้ำให้ชุ่ม เอามอสแปะ เป็นอันเสร็จพิธี

         หลังจากนี้ก็เพียรพยามยามรดน้ำเช้าเย็น สักกอาทิตย์นึงถ้าเติบโตดี จะเห็นพัฒนาการค่ะ คือเค้าจะเริ่มเลื้อยเกาะไปตามอุปกรณ์ที่ใช้ปลูก คนปลูกก็จะตื่นเต้นค่ะ ก่อนหน้านั้นก็อย่าใจเสียนะคะ ถ้าเห็นว่าบางกลุ่มจะใบเหลืองตายไปบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา








         อันนี้ถ่ายไว้นานแล้วค่ะ เพิ่งแปะมอสบนโอ่งยังไม่ฟักตัวเลย แต่เห็นภาพนี้สวยดี แสงเงากำลังร่มสบาย




          ต้นไม้ในกระถางที่ตั้งอยู่บนโต๊ะคือต้นหูกระจงค่ะ อย่างที่บอกว่าอยากได้ไม้ที่มีฟอร์มแบบไม้ใหญ่ ก็เลยเอาหูกระจงมาไว้ในกระถาง บางวันไม่ได้น้ำก็ใบเหลือง ร่วงกราว น่าสงสาร




          อยู่ในสวน ถ้าวันไหนไม่จัดสวนใหม่ ไม่มีมหกรรมโยกย้ายต้นไม้ให้เข้าที่เนื่องจากมีสมาชิกใหม่มาเพิ่ม ก็จะมีบรรยากาศเบา ๆ ตัดเล็มกิ่งรก ตัดใบเหลือง พรมน้ำเบา ๆ นอกจากนี้ ก็มีกวาดพื้นหินทราย ให้เดินลื่นเท้า เนื่องจากชอบถอดรองเท้าเดินในสวน




         สุดสวนตรงนี้ ก็จะก่อเป็นระเบียง ความกว้างก็ประมาณนี้ละคะ 2 เมตร วางม้านั่งสีเทอร์ควอยซ์สำหรับนั่งเล่น




          สีฟ้าเทอร์คว้อย ทำให้มุมนี้สดใสขึ้นอีกเยอะเลย ความยาว 1.2 เมตร ซื้อจากตลาดเฟอร์นิเจอร์ ตรงรถไฟฟ้าใต้ดิน อตก. ร้าน little space by dao ซื้อของจากร้านนี้อยู่หลายชิ้นเหมือนกัน




         วันก่อนบ้านแม่โละของทิ้งเพื่อลดความรกในบ้าน ไปเจอเก้าอี้ตัวนี้ เดิมทีเป็นของเราเองค่ะ แต่พอบ้านเรารกก็เอาไปไว้บ้านแม่ พอบ้านแม่รก ก็เอาไปทิ้ง ขามันโยกเยกแล้ว สมควรจะทิ้งเสียที




          แต่พอเห็นเค้าอีกครั้ง (หลังจากไม่เห็นเสียนาน) ก็ให้นึกไปถึงหนังสือตกแต่งเล่มนึง ที่มีระเบียงอบอุ่นสไตล์อังกฤษ จัดวางไว้ด้วยเก้าอี้น่ารัก ๆ ในบรรยากาศวินเทจ ซึ่งมันก้อคือหน้าเหมือนไอ้เจ้าเก้าอี้ขาเป๋ของเราตัวนี้นี่เอง




          ด้วยความที่เป็นคนอยู่ไม่สุข จึงคิดโปรเจครีโนเวทเก้าอี้ตัวเดิมให้มีสีสันขึ้นมาใหม่ในสไตล์วินเทจ จึงไปซื้อกระดาษทรายหยาบมา 1 แผ่น นั่งขัดสีเดิมซึ่งเป็นสีเคลือบเฉย ๆ และขัดพวกเชื้อราออก ความจริงยังออกไม่หมด แต่เหนื่อยก่อนเลยเลิก ขั้นต่อไปก็ทาสี ใช้สีน้ำกระป๋อง สีที่ใช้กับเฟอร์นิเจอร์มันจะมี 2 ชนิด คือสีน้ำ กับสีน้ำมันยี่ห้ออะไรก็ได้ ตามร้านขายของชำในซอยบ้าน กระป๋องละประมาณ 70-80 บาท (กระป๋องเล็ก) อย่าลืมซื้อแปรงมาด้วย

         อ้อ ลืมบอกไป สีน้ำเป็นกระป๋องจะมีสีเดียวคือสีขาว แล้วต้องซื้อแม่สีมาด้วย จะเป็นขวดพลาสติกเล็ก ๆ ขวดละ 25 บาท เอามาผสมกับสีขาวเพื่อให้ได้สีที่ต้องการ อย่างเก้าอี้ตัวนี้ต้องการทาสีเขียว (เหมือนในแบบ) เราใช้สีเขียวแค่ไม่เกิน 1 ช้อนชา ผสมกับสีขาว (ไม่ต้องผสมทั้งกระป๋องนะคะ แบ่งสีออกมาเท่าที่ต้องการใช้ - กะเอาค่ะ) ไม่มีอัตราส่วนค่ะ ใช้วิธีค่อย ๆ หยดสีเขียวลงไปแล้วคนให้สีเข้ากัน จนได้สีที่ต้องการ

         ข้อควรระวังคือ อย่าใส่สีเขียวทีเดียวเยอะเกิน เพราะถ้าสีที่ได้มันแก่กว่าสีที่ต้องการ จะปวดขาค่ะ เพราะต้องขี่จักรยานไปซื้อสีขาวที่ร้านชำมาเพิ่ม อิอิอิ




         สีไม่เหมือนในหนังสือใช่ไหมคะ คือตอนนั่งผสมสีเนี่ย  ก็เลือกเอาตามอำเภอใจค่ะ พอได้สีประมาณนี้ เราพอใจแล้วก็ไม่ผสมสีเขียวเพิ่ม คือสีนี้เราเรียกเองว่าเขียววินเทจ มันจะดูหวาน ๆ กว่าในรูปค่ะ




          ทาสีเสร็จแล้วค่ะ ความจริงทาเสร็จ 1 รอบ ตากแดด - แล้วทาซ้ำอีกรอบค่ะ ขั้นตอนต่อไป ขัดเก่าค่ะ คือเอากระดาษทรายหยาบมาขัดตามขอบให้สีมันดูถลอก ๆ เหมือนผ่านการใช้งานมานาน งงไหม เอาของเก่ามาทำใหม่ แต่ทำให้เหมือนมันเก่า !!! ในรูปคือผ่านการขัดเก่าจนเป็นที่พอใจแล้ว แต่ยังไม่ได้ปัดฝุ่นสีออก




          มาดูผลงานที่อุตส่าห์หลังขดหลังแข็งทำมาเป็นวันกันค่ะ อืมมมม สวยเนอะ เพราะอยากได้บรรยากาศวินเทจ เลยต้องมีพร็อพมาประกอบฉากเล็กน้อย




          เอามาวางไว้ข้าง ๆ ม้านั่งยาวสีเทอร์ควอยซ์ นั่งมุมนี้จิบชา เหลียวไปทางซ้ายชมสวนค่ะ




         ลืมบอกไปว่า เมื่อขัดเก่าเสร็จ ปัดฝุ่นให้หมด แล้วก็ทาสีเคลือบให้สีมันทนค่ะ การขัดเก่า ก็ไม่มีหลักการอะไร เอาที่คิดว่าสวย ขัดตามขอบตามมุม ให้เหมือนผ่านการใช้งานมานาน




          อันนี้ลักไก่ค่ะ อยากโชว์วิทยุวินเทจน่ารัก น่ารัก สีเดียวกันกับเก้าอี้ อิอิ






         ไม่ยากเลยค่ะ ผู้หญิงก็ทำได้ เป็นงานขัดแล้วก็ทาสีเท่านั้นเอง ให้แฟนช่วยยึดขาที่มันโยกเยกให้ (ใช้เหล็กตัว L ยึดตรงโคนขาทั้ง 4 ข้าง) ทำให้เก้าอี้เก่าที่จะทิ้ง สามารถกลับมามีชีวิต และสร้างสีสันให้สวนเราได้




         อย่างที่บอกว่าตรงนี้แคบ (แคบกว่า 2 เมตรอีกค่ะ) วางม้านั่งสุดสวยลงไปก็ไม่สามารถวางอะไรลงไปได้อีก เนื่องจากตรงนี้เป็นทางเดินไปลานซักล้างหลังบ้าน มีที่เล็ก ๆ ความลึกแค่ 1 ฟุต (ตามกรอบสี่เหลี่ยมในรูป) อยากตั้งเก้าอี้อีกสักตัว เพื่อเวลามานั่งในสวนจะได้หันหน้าชนกัน ไม่นั่งเรียงเป็นระนาบเดียวกันไปหมด




         ใช่ค่ะ ด้านบนตรงนี้เป็นระแนงไม้ เราน่าจะทำชิงช้าแขวนไว้ตรงนี้





การเตรียมอุปกรณ์จึงเริ่มขึ้น

       1. หาไม้ขนาดเหมาะ ๆ มาซัก 1 ชิ้น โชคดีว่าที่บ้านมีไม้เหลือจากการทำระเบียงอยู่ 2-3 ชิ้น ความจริงมันยาวไปหน่อย แต่ไม่ได้ตัดออกค่ะ เพราะมันยากไปสำหรับผู้หญิงบอบบางอย่างเรา คริ คริ

       2. ซื้อเชือกปอจาก HomePro ความยาว 10 เมตร จำราคาไม่ได้ น่าจะเมตรละ 25 บาท รวมแล้ว 250 บาท

       3. กระดาษทรายหยาบเอามาขัดไม้ลบมุมให้หมดค่ะ ไม่เช่นนั้นเวลานั่งเสี้ยนอาจตำก้นได้ค่ะ 555+

         D.I.Y. ชิ้นนี้จำเป็นต้องมีผู้ช่วย เพราะต้องมีการเจาะไม้โดยใช้สว่าน เจาะ 4 มุม  ต้องกะขนาดก่อนนะคะว่าควรจะลึกจากขอบไปเท่าไหร่ เมื่อเจาะเสร็จก็ใช้สิ่ว เซาะร่องให้มันใหญ่ขึ้นจนสามารถสอดเชือกเข้าไปในช่องได้

         เอาเชือกไปแขวนบนระแนง แล้วเอาชายที่ห้อยลงมาสอดลงในช่องไม้ที่เราเจาะไว้ ขมวดปมข้างใต้  ต้องดูให้มันสมดุลกันทุกด้าน เพื่อเวลานั่งจะไม่เอียงเทอาจตกลงมาได้ค่ะ เราปล่อยปลายเชือกไว้ก่อน ยังไม่ตัด เพราะไม่แน่ใจว่าเวลาที่น้ำหนักกดลงไปจะทำให้ระดับของเชือกที่ผูกมันขยับหรือเปล่า หากมันขยับไม่สมดุลจะได้แก้เชือกและปรับระดับใหม่ได้




         เมื่อทำเสร็จก็ได้ชิงช้า Old style swing น่ารัก ๆ แบบนี้ค่ะ เวลานั่งจริงก็ไม่มีหมอนหรอกค่ะ เอามาประกอบฉากเฉย ๆ เชือกสีเข้มที่เอามันพันรอบ ๆ เป็นเชือกลูกเสือสมัยลูกยังเด็ก ๆ ค่ะ บางคนเค้าก็ใช้ผ้าลายดอกไม้น่ารัก ๆ มาพันรอบ ๆ ให้ความรู้สึกหวาน ๆ ลองทำดูนะคะ หรือไปอ้อนให้คุณหนุ่ม ๆ ทำให้ก็ไม่ยากเลยค่ะ






          ดูกว้างขวาง ไม่คับแคบเลยเนอะ ใช้งบประมาณน้อยมากเลยค่ะ 250 บาท ค่าแรงไม่ต้อง ใช้น้องชายให้เจาะไม้ให้ ขัดไม้เอง มีลูกชายเป็นลูกมือ เซาะร่องไม้ให้ ทำเสร็จก็นั่งเฮฮากันในสวน ท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ เหมือนั่งชิงช้าใต้ต้นไม้ใหญ่ มีความสุขค่ะ






          เมื่อมานั่งคุยกันในสวนก็จะมีบรรยากาศแบบนี้ค่ะ อย่าคิดมากว่า แบบนี้มันก็แกว่งไม่ได้อะสิ เวลาที่เรานั่งลงไปบนชิงช้า เราจะได้ความรู้สึกในวัยเด็กกลับมาค่ะ ได้โยก ได้แกว่างเบา ๆ ก็ให้ความรู้สึกสนุกแล้ว เป็นลูกเล่นน่ารัก ๆ เพิ่มบรรยากาศสวนของเราไม่ให้น่าเบื่อ ถ้าเป็นเก้าอี้ธรรมดาก็ไม่สนุกหรอกเนอะ


ขอขอบคุณ: home.kapook.com